สารพัดเหตุผลที่ใช้ชีวิตอยู่ในไทยแล้วดีกว่าอยู่ในญี่ปุ่น

ก็มีหลายต่อหลายเว็บล่ะนะ ที่ต่างก็นำเสนอว่าประเทศญี่ปุ่นดีอย่างโง้นอย่างงั้นอย่างงี้ เอาซะแบบว่าเป็นวิมานสวรรค์ ไปใช้ชีวิตด้วยกันก็มันส์ดี ยู้วฮูว แต่จริงๆ แล้วที่ญี่ปุ่นมันก็ไม่ได้สวยงามไปเสียทุกเรื่องแบบอย่างที่ใครหลายๆ คนคิดไว้ จนมีคนบอกว่า ไปญี่ปุ่นอ่ะ เที่ยวได้ แต่ถ้าให้ไปใช้ชีวิตไปทำงานอ่ะ อย่าเลยคุณ วันนี้ก็จะมาพูดถึงเหตุผลเล็กๆ ว่าทำไมแดนปลาดิบนี้ เอาแค่เที่ยวอย่างเดียวก็พอแล้ว
สนใจแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น
ที่ญี่ปุ่น ทุกคนถูกสอนให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองและต้องไม่เป็นภาระคนอื่นตั้งแต่ยังเล็ก อยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งใคร ถามว่าดีไหมมันก็ดี เป็นข้อดีที่คนไทยควรเอาแบบอย่าง แต่บังเอิญว่าที่ญี่ปุ่นแม่งก็หนักเกินไปโดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่โตเกียวคนกลายเป็นหุ่นยนต์ ทุกคนสนใจแต่เรื่องของตัวเอง จะหวังให้ช่วยอะไรนี่แม่งไม่ต้องหวังอ่ะ เรื่องนํ้าใจเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ขนาดคนญี่ปุ่นเองยังบอกว่าคนญี่ปุ่นหลายคนไม่มีนํ้าใจเลย เป็นสิ่งที่คนคันไซจะชอบบ่นถึงคนโตเกียวบ่อยๆ
คำว่า “ไกจิน” ยังมี
ล่าสุดไปแถวย่านอาซากุสะที่เป็นย่านท่องเที่ยวยอดฮิต ก็พบว่าปัจจุบันก็มีคนต่างชาติไปทำงานที่ญี่ปุ่นอยู่ตามร้านสะดวกซื้อ ก็ดูปกติสุขเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่มันยังมีมนุษย์เหยียดชาติประเทศอยู่ คือถ้าทำงานเรียบร้อยปกติมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่ถ้าเกิดทำพลาดทีนะ แม่งมีพ่วงมาเรื่องชาติแน่นอน บางทีโดนเมินไม่พูดด้วย แต่จะไปขอพูดกับคนญี่ปุ่นด้วยกันแทน เจอป้าๆ หน่อยก็ด่าเลยจ้า อยากให้ลองคิดอีกแง่หนึ่งก็คือคนญี่ปุ่นที่รักชาวต่างชาติที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น บางทีเขาอาจจะไม่ได้รักจริงก็ได้ แต่เพราะเราเอาเงินมาโยนให้ประเทศเขาไงล่ะ เขาก็ต้องต้อนรับไว้ก่อน
เอ้อ จะว่าไป พูดถึงเรื่องท่องเที่ยว อันนี้น่าทึ่งคนญี่ปุ่นมากๆ ที่ปลูกฝังคนในชาติให้ต้อนรับนักท่องเที่ยว อันนี้มันก็เป็นเรื่องดี แต่เรื่องไม่ดีก็คือการปิดบังเรื่องแย่ๆ ของญี่ปุ่น ลองนึกๆ ดู เวลาที่ฝรั่งมาเที่ยวไทย เราก็จะบอกเขาใช่ไหมล่ะว่าต้องระวังโจรให้ดี ระวังแทกซี่โกงเงิน แต่สำหรับญี่ปุ่นคือทุกคนไม่พูด เวลาไปถามเรื่องยากุซ่าว่ามีจริงใช่ไหม เขาก็พร้อมใจกันบอกว่าไม่มี แหม อยากจะด่าเหลือเกิน ไม่มีมะเหงกมึงสิ 55555 (อันนี้น้องคนหนึ่งที่เคยไปศึกษาต่างประเทศแล้วมีเพื่อนคนญี่ปุ่น เล่ามาให้ฟัง)
ทำงานโคตรหนัก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โคตรหนัก จนหลายๆ คนรู้กันว่าประเทศนี้แม่งมี 25 ชั่วโมง คือคนญี่ปุ่นทำงานกันหนักมาก ตามกฏระเบียบบอกว่าเลิกงาน 6 โมง แต่เอาจริงๆ 6 โมงตรงเป๊ง! ตูดแม่งไม่เด้งจากเก้าอี้สักคนอ่ะ เคยได้ยินคนญี่ปุ่นบางคนบอกว่าวันไหนถ้าเขาเลิกงาน 2 ทุ่มได้จะถือว่าโชคดีมากความสุขมาก เยดเขร้ เร็วของคุณแม่งคือ 2 ทุ่มว่ะ ถ้าช้านี่แม่งกี่โมง ก็เลยมีข่าวคราวว่ามีคนทำงานหนักจนตาย ไปสืบดูพบว่าโอทีเดือนนึงร้อยกว่าชั่วโมง ไอเยด นี่มึงจะทำงานสองเดือนภายในเดือนเดียวเลยหรอ
เรื่องนึงคือธรรมเนียมอันแสนพิศดาร มีคนบอกว่าถ้าเจ้านายยังไม่กลับ เราก็ต้องยังไม่กลับ รอเจ้านายกลับก่อนถึงจะกลับได้ คือโคตรไม่เข้าใจมึงจะนั่งทำแป๊ะอะไร เปลืองแอร์เปลืองไฟ รีบกลับบ้านพักผ่อนให้สมองไบรท์ๆ แล้ววันใหม่มาทำงานเต็มที่ไม่ดีกว่าเรอะ บางทีหาเรื่องทำงานให้มันดูขยันแต่เอาจริงๆ ไม่ได้ทำห่าไรเลย แต่ทำเพราะว่าที่ญี่ปุ่นเป็นการจ้างงานตลอดชีพ ถ้ามึงไม่ได้เลื่อนตำแหน่งหรือเจ้านายเกลียด ก็จะเฉาตายอยู่ในตำแหน่งเดิมอนาคตไม่ก้าวหน้า ทุกคนเลยต้องเลียแข้งเลียตีนเพื่อไต่เต้า หรือเรื่องฉาวอย่างเอาเต้าไต่ก็ยังมี ไอ้เพื่อนในบริษัทที่เหมือนจะสนิทจากการพูดคุย แต่จริงๆ แล้วทุกคนก็คือคู่แข่งกันหมด ถามว่าความขยันมันช่วยให้เจริญก้าวหน้าไหม แน่นอนว่ามันช่วย ญี่ปุ่นเลยเป็นญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าวัดประสิทธิผลของการทำงานเมื่อเทียบกับเวลาแม่งสอบตกกันหมด ผิดกับประเทศจากฝั่งตะวันตกที่เขาพยายามคิดว่าทำงานอย่างไรให้ได้ผลมากที่สุดในเวลาที่จำกัด
คนโรตจิตก็เยอะ
บางทีเราอ่านการ์ตูนบางเรื่องก็มักจะเห็นตัวละครโรคจิต ก็เพราะว่ามันมีคนโรคจิตจริงๆ นี่แหละก็เลยมีตัวละคร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเองเลยก็คือเห็นน้องคนต่างชาติหนึ่งเจอลุงญี่ปุ่นเดินมาจ้องสะดือ แล้วก็เอามาชี้บอกว่าสะดือสวยนะ เย็ดเหี่ย นี่มันโคตรจะคุกคาม ไอเราจะไปด่าเขาก็ใช่เรื่อง มีเรื่องมีราวมามันไม่คุ้มแน่นอน ต้องบอกไว้ว่าถ้าชาวญี่ปุ่นมีเรื่องกับชาวต่างชาติ ยังไงตำรวจก็เข้าข้างคนญี่ปุ่นก่อนเสมอ ฉะนั้นอย่าไปมีเรื่องดีที่สุด
ตอหลดตอแหล ปากปราศรัย นํ้าใจเชือดคอ
ญี่ปุ่นคือสังคมใส่หน้ากาก ทุกคนมีหน้ากากติดไว้ เวลาเจอกันก็อี๊แอ๊ะๆ เจ๊าะแจ๊ะเม้ามอย แต่พอลับหลังล่ะมึงเอ๋ย เผากันไฟท่วมทุ่งเลยจ้า เป็นเหตุผลที่คนญี่ปุ่นหลายคนไม่กล้าเปิดใจกับคนอื่นๆ เพราะทุกคนต่างก็ไม่เชื่อใจกัน เวลาคนญี่ปุ่นมาทำงานบ้านเรา เขาเห็นคนไทยเป็นคนเปิดเผย บางทีเขาก็รู้สึกดีใจมากๆ เลยนะ
เวลาที่เราเกิดไปทำอะไรไม่ถูกต้อง เขาก็จะมาเตือนด้วยความสุภาพนอบน้อมถ่อมตน แต่ในใจจริงๆ นี่เอามีดจ้วงท้องมึงไปหลายแผลแล้ว 555 ที่นี่ไม่มีการอลุ่มอล่วยช่วยๆ กันนะ
ยากุซ่าไม่ได้เป็นแค่นิยาย
เป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นโกหกชาวต่างชาติบ่อยมาก บอกไม่มี๊ไม่มี ยากุซ่าเนี้ยะ โถ จริงๆ แล้วมีเพียบเลยฮะ คือแปลกใจว่าคนญี่ปุ่นเองเขาเกลียดยากุซ่ามาก ทำไมต้องบอกว่าไม่มีด้วย อาจจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศตัวเองอย่างที่กล่าวไปก็ได้ ล่าสุดเองก็มีนักท่องเที่ยวไทยโดนยากุซ่าหาเรื่องที่โอซาก้ามาแล้ว (ลองตามหาคลิปในโลกโซเชียลดู น่าจะมีคนก๊อปไว้ เพราะต้นทางเขาลบคลิปไปแล้ว) ยังไงก็ระวังๆ หน่อยนะ สังเกตดีๆ พวกที่มีรอยสักเยอะๆ ลามถึงคอถึงแขน อ้อ ถ้าโดนหาเรื่องก็พยายามอย่าตอบโต้หรือไปทำท่าทีแข็งข้อกับเขา เพราะนอกจากจะเสี่ยงโดนอุ้มแล้ว ยังอาจโดนแกล้งไปแจ้งขอหาทำร้ายร่างกายด้วย ซึ่งตำรวจญี่ปุ่นเองก็ค่อนข้างเข้าข้างคนญี่ปุ่นด้วยกัน
ที่ญี่ปุ่นเองเขาก็ตระหนักดีว่ายากุซ่านั้นสร้างความรำคาญเดือดร้อนไปทั่ว แต่ก็ไม่สามารถกำจัดทิ้งไปได้ เพราะมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากมายเยอะแยะ ได้แต่พยายามทำให้ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้มากที่สุดเท่านั้นเอง
ธรรมเนียมไร้สาระเยอะมาก
คือบางทีเราเห็นธรรมเนียมญี่ปุ่นแล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย น่ารักอ่ะ เจ๋งดี ซึ่งปกติเขาก็จะหยิบแต่เรื่องดีๆ มาพูดกันไง ไอ้ที่ติงต๊องแม่งมีอีกโคตรเยอะ โดยเฉพาะพวกธรรมเนียมของการทำงานในบริษัท เช่นต้องคอยรินเบียร์ให้หัวหน้าตลอด, เวลาชนแก้วก็ต้องยกแก้วให้ตํ่ากว่าหัวหน้าเพื่อความถ่อมตน ตํ่ามากก็ไม่ได้เพราะเป็นการแสดงถึงความรังเกียจ คือแบบว่าอะไรจะเยอะแยะขนาดนั้น เวลาไปเที่ยวก็ต้องซื้อของมาฝาก, ย้ายบ้านมาใหม่ก็ต้องมีของฝากเพื่อนบ้าน มันเป็นอะไรที่ดีนะ ที่ทุกคนรักษานํ้าใจซึ่งกันและกัน แต่บางทีมันก็อึดอัดมากๆ ทำอะไรก็ไม่สะดวกใจ
แต่จะว่าไป สิ่งดีๆ ในญี่ปุ่นก็มีอีกเยอะ และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่ได้เป็นกันทั้งประเทศ แต่ว่าคนญี่ปุ่นเองบางคนเขาก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบสังคมบ้านเขาเลย คนที่รู้สึกทนไม่ไหวก็หาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย ดังนั้นใครที่อยากอาศัยที่ญี่ปุ่นจริงๆ ก็ลองคิดดีๆ แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมกันด้วย